เลิกจมอยู่ ยอมรับความเปลี่ยนแปลง และเติบโตต่อไปในการงานและชีวิตเราทุกคนล้วนเคยทำผิดพลาดมาก่อน และหลายคนก็ทำผิดพลาดซ้ำเดิมเรื่อยมา จนความผิดพลาดนั้นกลายเป็นความคิดในแง่ลบเมื่อต้องพบกับเหตุการณ์ที่เคยทำผิดพลาดซ้ำๆ อีก “ฉันต้องทำพรีเซนต์ครั้งนี้พังแน่ๆ” “ฉันทำอะไรไม่เคยสำเร็จสักอย่างเลย” “ฉันพูดอะไรก็ไม่มีใครเชื่อ” “ฉันมันไอ้ขี้แพ้” “แล้วฉันก็จะต้องถูกทิ้งเหมือนเคย”

ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันคือโอกาสที่ดี แต่สุดท้ายเราก็ลงเอยที่การเดินจากโอกาสดีๆ ที่เข้ามาในชีวิตไป เพียงเพราะกลัวที่จะผิดหวัง (อย่างที่เราคิด) และเมื่อเวลาผ่านไป เราก็ต้องผิดหวังอีกครั้งเมื่อพบว่าคนที่เข้าหาโอกาสที่เราปล่อยให้หลุดมือไปนั้นมีชีวิตที่ดีขึ้น มันควรจะเป็นชีวิตเราที่ดีขึ้นชัดๆ การติดกับดัก จมจ่อม และตัดสินใจทำสิ่งใดๆ ด้วยความคิดด้านลบไม่ได้ช่วยอะไรเราเลย อีกทั้งยังจะทำให้ชีวิตตกต่ำลงเพราะพลาดโอกาสดีๆ ไปหมด หลายคนรู้ว่ามันเป็นแบบนั้นและก็อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่เอาเข้าจริงก็ก้าวออกจากกับดักความคิดลบไม่ได้ ทำไมจึงเป็นแบบนั้น ก็เพราะเราไม่มีความคล่องแคล่วทางอารมณ์นั่นเอง

ความคล่องแคล่วทางอารมณ์ (Emotional Agility) คือ การฝึกจิตใจของเราให้รู้เท่าทันความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ที่เกิดขึ้นเมื่อพบกับเหตุการณ์ต่างๆ ว่าทำไมเราจึงคิดอย่างนั้น รู้สึกอย่างนั้น และตัดสินใจไปอย่างนั้น ความคล่องแคล่วทางอารมณ์คือ การบริหารการตัดสินใจของเราให้กระฉับกระเฉงขึ้น พอที่จะหลบหลีกความคิด ความรู้สึกที่ผิดพลาดเดิมๆ ที่ฝังรากลึกอยู่ในจิตใจของเรามานาน ที่คอยดึงเราให้จมจ่อมอยู่กับการตัดสินใจแบบเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับทรายดูด

ความคล่องแคล่วทางอารมณ์คือ การเปิดหูเปิดตารับรู้สถานการณ์ปัจจุบันที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าอย่างแท้จริงแล้วตัดสินใจไปตามนั้น แทนที่จะใช้ชีวิตอยู่แต่ในความคิดที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆ แล้วให้มันควรสั่งให้เราทำหรือไม่ทำอะไร สุดท้ายความคล่องแคล่วทางอารมณ์ก็คือ การฝึกที่จะรู้เท่าทันความคิดและจิตใจที่เป็นลบของตนเอง เลิกจมจ่อมอยู่กับมันแล้วหันมาอยู่กับสถานการณ์ปัจจุบันอย่างเต็มเปี่ยม เพื่อให้เราเป็นอิสระจากความคิดลบทั้งหลายและไม่ให้มันมามีพลังเหนือการตัดสินใจของเราอีกต่อไป

ซูซาน เดวิด ผู้เขียนหนังสือ Emotional Agility จะบอกว่าแล้วการจะทำให้ได้อย่างนั้น เราต้องทำอย่างไรบ้าง โดยแบ่งขั้นตอนออกเป็น 4 ขั้นตอน คือ 1.เผชิญหน้า 2.ก้าวออกมา 3.ทำในสิ่งที่ตนเชื่อมั่น และ 5.เดินหน้าต่อไป พร้อมทั้งยกตัวอย่างทั้งในชีวิตส่วนตัวและในการงาน ว่าต้องทำอย่างไร เมื่อเราตระหนักใน 4 ขั้นตอนและฝึกฝนทำ 4 ขั้นตอนอย่างสม่ำเสมอดีแล้ว เราจะมองเห็นตนเอง มองเห็นอารมณ์ความคิดของตน เข้าใจพวกมัน แล้วเดินหน้าต่อไปอย่างมีอิสระจากมัน ค่อยๆ เติบโตไปอย่างมั่นคงกว่าเดิม ทั้งในชีวิตและการงาน