Parnassus on Wheels หรือรถหนังสือเร่ของคนพเนจร คือเรื่องราวของรถหนังสือเร่ฉายาว่า พาร์นาซัส ที่คอยนําพาผู้เป็นเจ้าของมัน ออกเดินทางและเปลี่ยนแปลงชีวิตพวกเขาไปตลอดกาล
ในวันธรรมดาแสนน่าเบื่ออีกวันของ เฮเลน แม็คกิลล์สาวใหญ่ร่างอ้วน ผู้เหนื่อยหน่ายกับการเป็นแม่บ้าน คอยจัดการมื้ออาหารและดูแลพี่ชายนักเขียนของเธอ (ชื่อว่า แอนดรูว์) เดิมทีเธอก็มีความสุขกับชีวิตชาวไร่ในชนบทบ้านเกิดซึ่งสอง คนพี่น้องแบ่งงานและช่วยกันอย่างขยันขันแข็ง แต่แอนดรูว์ผู้รักการเขียนได้โอกาสเป็นนักเขียนอาชีพ ผันตัวจากกรรมกรชาวไร่กลายเป็นนักประพันธ์ใหญ่งานบ้านงานไร่ที่เคยช่วยกันจึงต้องผ่องถ่ายเป็นหน้าที่ของเธอเพียงผู้เดียว แถมหลายครั้งพี่ชายตัวดีก็หายออกจากบ้านไปแสวงหาวัตถุดิบและแรงบันดาลใจเพื่อเขียนหนังสือ ทิ้งให้เธอจับเจ่าเฝ้าบ้านอยู่คนเดียวเป็นเดือนๆ

แต่วันนี้ต่างจากวันอื่น เมื่อจู่ๆ มีรถหนังสือเร่คันโตมาจอดหน้าบ้าน นายมิฟฟลินผู้เป็นเจ้าของมาเสนอขายทั้งรถทั้งหนังสือ (รวมทั้งม้าและหมาที่ร่วมเดินทางมากับเขา) นายมิฟฟลินอยากเสนอขายให้แอนดรูว์เพราะเขาเป็นแฟนหนังสือของนักเขียนใหญ่ และตั้งใจว่าจะวางมือจากกิจการนี้เพื่อพักผ่อนและลงมือเขียนหนังสือเองบ้าง เฮเลนไม่พอใจพ่อค้าขายหนังสือเร่เป็นอย่างมาก เธอคิดว่าเขาจะมาทําให้พี่ชายของเธอลุ่มหลงมัวเมากับวรรณกรรมและหนังสือจนไม่เป็นอันทําการทํางานไร่ แล้ววันหนึ่งก็คงจะขับเจ้ารถหน้าตาประหลาดคันนี้ตะลอนท่องเที่ยวทิ้งบ้านไปอีกเป็นแน่แท้เพื่อกีดกันแอนดรูว์จากสิ่งนี้เฮเลนตัดสินใจซื้อรถหนังสือเร่เป็นของตนเอง และเมื่อต้องแลกด้วยเงินเก็บที่อุตส่าห์รอมริบไว้หลายปีเธอจึงคิดว่าการลงทุนครั้งนี้ต้องให้คุ้ม นี่คือการตัดสินใจครั้งใหญ่และทําการใหญ่ที่สุดในชีวิตของแม่บ้านตุ้ยนุ้ยชาวไร่สุดแสนธรรมดาคนหนึ่ง – การออกเดินทางไกลเป็นนักขายหนังสือเร่แห่งพาร์นาซัส

Parnassus on Wheels นวนิยายเล่มแรกของคริสโตเฟอร์มอร์ลีย์เขียนขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1917 นอกจากเรื่องราวแสนสนุกเพลิดเพลิน ชวนอบอุ่นหัวใจแล้ว หนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนบันทึกประวัติศาสตร์การค้าขายหนังสือในรูปแบบรถหนังสือเคลื่อนที่ (bookmobile) ซึ่งแพร่หลายอย่างมากในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เรื่อยมาถึงต้นศตวรรษที่ 20 ยุคสมัยที่หนังสือเดินทางไปเคาะประตูบ้านเพื่อนําพาความรู้ความสนุกสนาน และช่วยเปิดโลกกว้างให้ผู้คน